Chapter 4, Metsukidan – The Amusement Park II

Chapter 4, Metsukidan – The Amusement Park II

“รายงานสถานการณ์สดจากเมะสึกิดัน ตอนนี้พวกเรากำลังอยู่ที่สวนสนุกกันล่ะค่ะ! ฉันโรแลนด์ ยูมิ”
“ผมคุโรยะ มาโอกะ!”
“ส่วนฉันก็ฮิราเมกิ ริริคุล่ะ~”
“จิซานะ คาสึมิค่า~”

ผมกับเร็นซังนั่งรออยู่ที่ม้านั่งโดยมีเร็นกำลังยกโทรศัพท์ที่มียูสุเกะซังขึ้นมาทำหน้าที่ตากล้องที่ดี ถ่ายวีดีโอที่สามสาวและเด็กชายหนึ่งกำลังแสดงอยู่

เคยพาทุกคนมาสวนสนุกแล้ว แอบกลัวอยู่ว่าจะไม่สนุกกันแต่ทุกคนก็ยังดูตื่นเต้นดีอยู่
? อ้าว บนหน้าจอไอโฟนไม่ใช่หน้าถ่ายวิดิโอนี้
น่าจะเป็นหน้าเว็บ.. ผมมองเร็นซังที่กำลังดูเว็บอะไรบางอย่างอยู่กับยูสึเกะคุง

สาวนุ่งบิกินี่แดงหราปรากฏเด่นบนหน้าจอ ทำเอาผมสำลักน้ำลาย
อีกแล้ว?!!!

“เอามือถือผมไปเปิดเว็ปอะไรครับเนี่ย?!!!”
กึ่งกระซิปกึ่งตะโกนออกไป แต่ทั้งสองแค่เอานิ้วจุ๊ปากตัวเองให้เงียบไว้ บนไอโฟนขึ้นสัญลักษณ์ลดระดับเสียงลง

ผมขมวดคิ้วแล้วแย่งไอโฟนกลับ หืม?.. เปิดอีกหน้าต่างหนึ่งไว้ด้วยนี้
คลิปอื้อฉาว–

“คุณหัวหน้าดูอะไรอยู่หรือคะ?~”

นิ้วโป้งกดปุ่มวงกลมของไอโฟนแทบไม่ทัน ซ่อนมือถือไว้ข้างหลัง

“ไม่มีอะไรครับคาสึมิ ฮะฮะ..”

“ไม่ยุติธรรม”

เธอทำแก้มป่องกลมก่อนจะเดินกลับไปวงประกาศข่าวแก็งค์ร็อค***อีกครั้ง

เอ๊ะ แต่คราวก่อนคาสึมิมาเที่ยวกับเพื่อนนี่นา แล้วใครเป็นคนพูดประโยคสุดท้ายของโปเก***สีฟ้านั่นกัน
แล้วก็ มือถือที่ใช้ครั้งที่แล้วไม่ใช่ของผมนี่..

“คาซึมะ!!!”
“พี่คาซึมะ!!!”
“หัวหน้า!!!”
“รีบไปเล่นตรงนั้นกัน”

มือของมาโอกะคุงที่เข้ามาลากผมไว้กับเสียงของทุกคนดึงสติผมกลับมา
อ่าห์..ผมคงคิดมากไปเอง
แล้วสองเท้าก็ก้าวตามเข้ารวมกลุ่มเมะสึกิดันสู่จุดหมายของพวกเราทั้ง 7 คนต่อไป

[EKP] Secret EKP

 

 

ความฝันเป็นจริงแล้วค่าาาาาาาาาาาาา

ขอโทษที่เลทนะคะ ขอโทษจริงๆโฮ //กราบ

 

ซีเครทที่ได้เป็นของผปค.อากิโมโตะ เซนค่า

http://zerochan.exteen.com/20141004/ekp-secret-ekp

 

รีเควสที่เลือก :

“ลุงเซนสภาพเพิ่งตื่นนั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงานกินมาม่า(…)”

 
 
 
 
 
 

….

 

ต่างจากที่รีเควสมากค่ะ วาดไปสักพักถึงเพิ่งรู้สึกตัว

 

ขอโทษค่ะ ขอโทษด้วยจริงๆ T T;;

 

หวังว่าจะชอบนะคะ~

 
 

[EKP] Secret EKP

https://i0.wp.com/upic.me/i/mo/yhead.jpg

กิจกรรมครบรอบ 1 ปี คอมมู EKP ค่าา

อ่า..ไม่รู้จะพิมพ์อะไรแล้ว รีเควสเลยละกัน

1.คิริฮาระ คาซึมะ กับพุดดิ้งคัสตาร์ด ไม่จำกัดท่าทาง

2.ลูกของผู้ได้รีเควสกับพุดดิ้งอะไรก็ได้น่ารักๆ

3.อยากให้วาดฉากรถสิบล้อในแชปนี้มากๆเลยค่ะ แฮ่ก //// >>จิ้ม<<

ขอให้โชคดีนะคะ ❤

[EKP] Chapter 3 Metsukidan – The library

 

Chapter 3, Metsukidan – The Library I

 

No.2 Jisaya Katsumi

No.3 Encho Kanna

No.4 Tateda Yusuke

 

“ช่วงนี้มีข่าวลือเกี่ยวกับการหายตัวไปของเด็กๆแถวนี้ในป่า”

 

“ลือกันให้แซ่ดในวงตำรวจ แต่ผมก็รู้แค่นี้ในฐานะยาม”

 

“แต่แค่ได้ยินก็รู้ว่าอันตรายแล้ว อย่าเข้าไปในป่า”

 

“และห้ามเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้เด็ดขาดเลยนะครับ”

—– —– —– —– —–

ที่ห้องสมุดประชาชนวันนี้วุ่นวายมากกว่าปกติ ดูเหมือนจะมีเด็กวัยรุ่นที่ไม่น่าพบเจอได้ตามสถานที่แบบนี้มาคลุกตัวกันอยู่ ต่างคนต่างอยู่ในโลกส่วนตัวของตนกับหนังสือที่ได้เลือกหยิบมา

 

“อือ หาตั้งนานแล้วยังไม่ได้อะไรเลยนะ” คาสึมิบิดขี้เกียจอย่างไม่เกรงใจคนรอบข้าง

บรรณารักษ์หนุ่มหน้าตาพอใช้จับจ้องมาที่โต๊ะพวกเธออย่างไม่สบอารมณ์มากนัก

 

“คันนะจังๆ เล่มนี้ล่ะ?” ยูสุเกะร้องเรียกคันนะจากในไอโฟน

เขาทำท่าชี้ๆ ไปยังหนังสือเล่มหนึ่งในชั้นหนังสืออย่างตื่นเต้น

คันนะหยิบมันลงมาตามคำแนะนำของยสก แล้วนำกลับไปวางไว้ที่ชั้นเดิมเมื่อเห็นหน้าปกสาวบิกินี่

 

“เอ๋?! ทำไมกันล่ะคันนะจัง?!!”

ยูสุเกะร้องเรียนสิทธิของตัวเอง แต่คันนะเดินหนีไปหาหนังสือเล่มอื่นโดยเมินเฉยต่อยูสุเกะ

 

เหมือนจะไม่เจออะไรเลยนะ.. คันนะคิดในใจพลางกัดริมฝีปากตัวเองมองไปตามชั้นหนังสือ

นิทานปรัมปรา ตำนานพื้นบ้าน นิทานก่อนนอน เทพนิยายทั่วมุมโลก

 

หนังสือพวกนี้ เหมือนที่คนๆนั้นเคยอ่านให้ฟัง…

 

ไม่นานคันนะก็เลือกที่จะกลับมานั่งที่โต๊ะข้างๆ คาสึมิแล้วฟุ่บหลับลงไปเสียดื้อๆ

คาสึมิไม่ได้ต่อว่าอะไร เธอมองอย่างเอ็นดูก่อนหันกลับไปอ่านหนังสือทำอาหารตามเคย

 

ยูสุเกะได้แต่ทุบจอไอโฟนโวยวาย คาสึมิเห็นคันนะยังหลับอยู่จึงถือวิสาสะไปปล่อยยูสุเกะไว้กับคอมของหอสมุดประชาชนเพื่อตัดรำคาญ

 

“คาสึมิจังงง อย่าทิ้งผมไว้นะ ห้ามลืมผมนะ” ยูสุเกะร่ำร้องบอกก่อนสาวเจ้าจะเดินลับไป

 

ไวรัสหนุ่มยกยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้น ทีนี้ก็ได้เวลาส่องดูเว็บจีบสาวแล้ว

วันนี้จะมีใครที่ถูกใจมั้ยนะ ถ้าเจอก็ดีสิ~

แต่เหมือนจะไม่ง่ายอย่างที่คิด คอมของหอสมุดถูกล็อคระบบไว้ให้ใช้เพียงหาหนังสือเท่านั้น

 

ยูสุเกะไม่รีรอ เขารีบหาทางเข้าไปสำรวจระบบภายใน ไม่นานโค้ดต่างๆ ก็รันขึ้นมา

ข้อมูลการยืมหนังสือดูน่าสนใจอยู่ไม่น้อย อาจจะเจอชื่อหัวหน้าหรือคุณโคจิโร่มายืมหนังสืออย่างว่าก็ได้

เขาเข้าไปอย่างนึกสนุก ชื่อหนังสือพร้อมข้อมูลยืมตั้งแต่วันยืม วันคืน รวมถึงชื่อผู้ยืมเยอะจนลายตา

 

[ไม่พบข้อมูล]

 

ไม่พบข้อมูล? หมายความว่ายังไงน่ะ

ด้วยความสงสัย ยูสุเกะจึงเข้าแทรกแซงข้อมูลต่อ

 

[ไม่พบข้อมูล]

[ไม่พบข้อมูล]

[ไม่พบข้อมูล]

[ไม่พบข้อมู]

[ไม่พบข้อ]

[ไม่พบข้]

[ไม่พบ]

[ไม่พ]

[ไม่]

[ไ]

..

.

 

น่าแปลกที่หนังสือเหล่านั้นไม่มีข้อมูลอื่นใดนอกจากชื่อหนังสือ ชื่อผู้แต่ง ฯลฯ

ไม่พบรายละเอียดเกี่ยวกับการยืมเลยแม้แต่น้อย หรือว่าจะเป็นเบาะแส

ยูสุเกะคิดได้ดังนั้นจึงรีบปลี่ตัวออกจากแหล่งข้อมูลของคอม ลอยผ่านข้อมูลเลขฐานสองนับล้านออกไปยังหน้าจอมอนิเตอร์เผยให้เห็นภาพห้องสมุดอีกครั้ง

 

นั่นคาสึมิจัง! คงจะเดินผ่านมาเช็คผมพอดีสินะ ยูสุเกะคิด

“คาสึมิจังงง! ผมเจอเบาะแสล่ะะะ!”

“เอ๋ จริงหรือคะ?!”

 

คาสึมิที่ตอนนี้นำยูสุเกะกลับเข้ามาอยู่ในไอโฟนอีกครั้ง เดินเข้าไปถามบรรณารักษ์เรื่องหนังสือที่ถูกยืม

.

.

.

สรุปการค้นหา :
” มีหนังสือจำนวนมากที่ถูกยืมไป และหนังสือจำนวนหนึ่งที่มีการยืมไปแล้วไม่ได้คืนเป็นเวลาหลายเดือน ไม่มีชื่อผู้ยืมและวันที่ยืม “

[EKP] Chapter 3 Metsukidan – The Shrine II

 

ผมสำรวจศาลเจ้าในระหว่างที่โรแลนด์สำรวจรอบป่า

ว่าแต่ให้ผู้หญิงสำรวจในป่า แต่ผมกลับสำรวจศาลเจ้าแบบนี้รู้สึกแปลกๆพิกล..

 

ผมเดินสำรวจรอบๆศาลเจ้าแต่กลับไม่เจอใคร ดูเหมือนว่าช่วงนี้จะยังไม่ใช่ช่วงที่คนจะแห่กันมาจึงร้างขนาดนี้

แต่ยังมีสิ่งหนึ่งที่ดูเหมือนจะยังเปิดให้ใช้

 

“ซุ้ม..เสี่ยงเซียมซี?”

 

ผมจ้องสิ่งตรงหน้าด้วยความสงสัย
…ลองสักหน่อยคงไม่เป็นไร

ผมสุ่มหยิบจากกองเซียมซี่ที่พับอยู่ทั้งหมดมาหนึ่งใบ ในกล่องดูเหมือนจะมีเซียมซีอยู่ค่อนข้างน้อย คงยังไม่มีใครเอามาเติมล่ะมั้ง?

แต่แบบนี้อาจทำให้จับ [โชคดี] ไม่ก็ [โชคดีมาก] ได้ง่ายก็ได้ ผมคิดพลางคลี่กระดาษออก

 

[โชคร้ายขั้นรุนแรง]

 

… ผมไม่ได้คาดหวังไว้สูงอยู่แล้ว

 

“วะฮ่าาาาา น่าสงสารจังเลยนะหัวหน้า”

 

ผมหันควับไปหาเสียง

โรแลนด์..

 

“..ถ้ายังไงโรแลนด์จะไม่ลองดูหน่อยหรือครับ”

เธอยักไหล่

“ไม่เอาล่ะ ของหลอกเด็ก”

 

..ถ้างั้น

“ถ้าจับได้โชคดีหรือมากกว่า ผมจะทำตามอะไรก็ได้หนึ่งอย่างเลยครับ”

“ชะ จริงเหรอ?! อะไรก็ได้จริงนะ?!”

“จริงสิครับ”

“งั้นเลี้ยงสเต็กหนึ่งอาทิตย์!”

 

กระเป๋าตังค์ผม..

 

“..ครับ ได้สิครับ แต่ว่า..”

ผมเว้นช่วงไว้ให้พอสงสัย

“อะไรเล่า? แต่ว่าอะไร”

 

“ถ้าได้โชคร้ายหรือต่ำกว่าต้องกินผักหนึ่งเดือนนะครับ”

 

โรแลนด์ซังยืดตรงกลืนน้ำลายดังเอื้อก เธอดูจะคิดมากอยู่แวบหนึ่ง แต่นั้นก็เป็นเพียงแค่แวบเดียว

 

“ตกลงตามนั้น! ยังไงสเต็กก็ต้องเป็นของฉัน!”

เธอเดินตรงไปที่ซุ้มเสี่ยงเซียมซี บอกตรงๆว่าผมแค่อยากแก้เผ็ดเธอ แต่ยังไงก็ไม่มีทางที่คนที่สองจะจับได้โชคร้ายเหมือนกันหรอก..

แต่โรแลนด์ดูนิ่งไป

 

“? โรแลนด์?”

ผมสังเกตุท่าทางของเธอผิดปกติ จึงมองไปยังใบเสี่ยงเซียมซีในมือของเธอ

 

[ดวงซวย]

 

พรืดด.. ม ไม่ได้ ห้ามหัวเราะนะคาซึมะ…

ถ้าคาสึมิรู้จะต้องดีใจมากแน่ๆที่โรแลนด์ซังจะกินผักตั้งหนึ่งเดือน

 

โรแลนด์ทำตาค้างแบบวิญญาณหลุด เธอคงจะช็อคมากจริงๆ

แต่แค่หนึ่งเดือนคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง..

 

“ขออีกรอบ!”

“เอ๋!?”

 

ผมมองเธอที่จู่ๆก็กลับมาฮึดอีกครั้ง

 

“อีกรอบ คราวนี้ต้องได้แน่นอน!”

“ค ครับ แต่ต้องเพิ่มเดิมพันเป็นสองเท่า—”

“อื้อ!”

 

แล้วเธอก็หยิบอีกแผ่นขึ้นมา

ยังไงก็ไม่มีทางที่ใครจะหยิบโชคร้ายมาได้สองแผ่น.. ยังไงผมก็คงต้องยอมเธอสักครั้ง..

 

“ได้ [ดวงซวย]..”

“…..”

 

วันนี้เทพเจ้าคงไม่เป็นใจให้เธอ

 

“อีกรอบ!”

“ถ้าอีกรอบต้องกินผักสี่เดือนแล้วนะครับ!”

“แต่ก็เท่ากับสเต็กสี่อาทิตย์ด้วยนี้! ขออีกรอบ!”

 

เธอล้วงมือเข้าไปเต็มแรงควักหาเซียมซีที่อยู่ลึกที่สุด

แต่จนตอนนี้ในที่สุดผมก็รู้แล้วว่า

 

“[โชคร้ายขั้นรุนแรง]………….”

 

ในกล่องนั้นคงไม่มีใบโชคดีอยู่หรอก…

 

โรแลนด์ทรุดลงกับพื้น เธอดูเหมือนพร้อมใจจะไปจากโลกนี้ได้ทุกเมื่อ

ในปากพึมพำว่า สี่เดือน สี่เดือน สี่เดือน สี่เดือน ไม่หยุด

…ความรู้สึกไม่แน่คงเหมือนอดพุดดิ้งสี่เดือน

 

“โรแลนด์ ทำใจดีๆไว้ครับ!”

ผมเขย่าๆตัวเธอเรียกสติของเธอกลับมา ตอนนั้นเอง มีเศษกระดาษจำนวนหนึ่งร่วงลงมาจากกระเป๋าชิ้นหนึ่ง

 

[ช]

 

ในเศษชิ้นเล็กๆชิ้นหนึ่ง มีตัวอักษรโดดๆอยู่หนึ่งตัว

 

“นี้เป็นของของโรแลนด์หรือครับ?”

 

โรแลนด์ได้สติ มองกระดาษในมือผม

 

“เปล่า เก็บได้ในป่าน่ะ”

เธอพูดพลางปัดๆมือปฎิเสธ

“มีเศษกระดาษตกอยู่เต็มพื้นเลยตอนไปสำรวจ แต่ฉันเก็บมาแค่บางส่วนที่มันพอเห็นเป็นตัวอักษรน่ะ”

 

เสียงพั่บๆของอีกาเป็นฝูงบินผ่านเหนือหัวไป คงจะเป็นฝีมือของพวกนี้ล่ะมั้ง? กระดาษถึงได้เป็นซากขนาดนี้

สังเกตุๆดีบางใบก็เหมือนจะข้อความบางอย่างอยู่อีก ไม่แน่ว่า..

 

“โรแลนด์ช่วยอะไรหน่อยครับ”

“หา? อะไรล่ะ”

 

ผมยื่นกระดาษที่มีตัว [ช] ให้เธอดูพลางพูด

 

“ช่วยหยิบเศษกระดาษทั้งหมดออกมาทีครับ

ถ้าลองเอามาต่อกันดู อาจจะออกมาเป็นคำก็ได้”

 

“ไม่แน่นะ.. ไม่แน่ว่านี้อาจจะเป็นเบาะแสบางอย่างก็ได้..”

 

——————————–

[EKP] Chapter 3 Metsukidan – The Shrine I

 

Chapter 3, Metsukidan – The Shrine I

 

No.1 Kirihara Kazuma

No.8 Roland Yumi

 

Kazuma’s side

“ช่วงนี้มีข่าวลือเกี่ยวกับการหายตัวไปของเด็กๆแถวนี้ในป่า”

 

“ลือกันให้แซ่ดในวงตำรวจ แต่ผมก็รู้แค่นี้ในฐานะยาม”

 

“แต่แค่ได้ยินก็รู้ว่าอันตรายแล้ว อย่าเข้าไปในป่า”

“และห้ามเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้เด็ดขาดเลยนะครับ”

 

…ถึงคุณอาโคจิโร่จะเตือนไว้อย่างนั้น

 

แต่ตอนนี้ ผมกำลังมุ่งหน้าไปยังศาลเจ้ากลางป่าแล้วล่ะครับ

.

.

.

 

 

 

“ร้อนนนนนน ชะมัดดดดดดดดดด!!!”

“ก็เดินมาชั่วโมงกว่าๆแล้วนี้นะครับ”

 

ผมกับโรแลนด์เดินตามทางขึ้นไปยังศาลเจ้าบนเขา เธอตึงแขนบิดขี้เกียจแล้วจึงเดินคอตกไปต่อ ส่วนผมก็แค่เดินปกติตามไป

 

ย้อนกลับไปที่ฐานทัพลับ

 

หลังจากคุณอาสั่งห้ามไว้แล้วเดินออกไป “เมะสึกิดัน”ก็เริ่มปฎิบัติภารกิจลับ

แบ่งเป็นกลุ่มเล็กๆสามกลุ่ม ออกสืบข้อมูลตามจุดต่างๆ

และผมกับโรแลนด์ก็ได้จับกลุ่มกัน ค้นหาศาลเจ้าและป่าโดยรอบ

 

“พี่คาซึมะโหดร้าย พาผมไปด้วยสิ”

มาโอกะคุงว่างั้น

รู้สึกผิดนิดๆเหมือนกัน แต่ยังไงในป่าก็อันตรายเกินไปสำหรับเด็ก

 

“เดินไปแบบนี้มันช้าชะมัด ไปให้เร็วกว่านี้ไม่ได้รึไง.. จริงสิ เอาอย่างนี้!”

“? ครับ?”

“ฉันวิ่งไปก่อนละกันนะหัวหน้า เดี๋ยวจะไปสำรวจป่ารอบๆให้ด้วยเจอกันที่จุดหมายนะ !”

“ด เดี๋ยวสิครับ โรแลนด์!”

แล้วเธอก็วิ่งฉิวเตะฝุนคละคลุ้งไป ปล่อยให้ผมยืนจามฝุ่นอยู่คนเดียว

เฮ้อ.. ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะวิ่งตามเธอไป

——————————————–

 Writer : Mafinia

Roland’s side

 

ดีจริงๆ ! ตอนนี้ค่อยยังชั่วหน่อย

เหมือนว่าความเย็นจากในป่าจะช่วยให้เย็นขึ้นได้จริงๆ

 

ตอนนี้ฉันเพิ่งมาถึงป่าบริเวณศาลเจ้า

ที่นี่มีต้นไม้ต้นใหญ่ขึ้นอยู่แน่น มีเพียงแสงบางส่วนที่ลอดผ่านช่องว่างใบไม้มาได้เท่านั้น

พอมองไปรอบๆฉันก็เจอฝูงอีกาจำนวนมากอาศัยอยู่

 

น่าแปลก ทำไมที่นี่ถึงมีฝูงอีกาอยู่เยอะจัง?

พอมองลงไปตามพื้นดู ก็มีก็กระดาษเก่าๆถูกฉีกอย่างละเอียดทิ้งไว้เป็นทางยาว

มันถูกฉีกอย่างละเอียดซะจนอ่านเป็นประโยคไม่ได้…เต็มที่ก็ได้แต่เพียงตัวอักษรเท่านั้น

“บางที ถ้าคาซึมะคุงมาเห็น อาจจะรู้อะไรขึ้นมาก็ได้นะ…”

ฉันคิดอย่างนั้น

 

ฉันเลยรีบเก็บรวบรวมเศษกระดาษบางส่วนที่อยู่บนพื้นที่พอเห็นเป็นตัวอักษรได้

มาไว้ในกระเป๋าเสื้อแล้วรีบวิ่งกลับไปที่ศาลเจ้าเพื่อไปหาคาซึมะคุงทันที

อย่างหัวหน้ายังไงก็คิดออกอยู่แล้วว่ามันคืออะไร !

 

———

 

[EKP] Chapter 02

เอนทรี่นี้เป็นส่วนหนึ่งของ

01 02

03

—————————————————-

“…”

“…!”

รู้สึกได้ว่าใครบางคนกำลังเขย่าร่างของผมอยู่ ผมเปิดตาขึ้นช้าๆเพราะพึ่งตื่นมามาดๆมองผู้มาเยือน

“…แม่?”

Image

หญิงสาวอายุ 30 ปลายๆ แต่ใบหน้ากลับไม่ต่างจากสาว20เลย มองกลับมาที่ผมด้วยดวงตาที่ต่างสีกัน ขวาที่เป็นมรกตและซ้ายที่เป็นทับทิม ไม่มีคำสนธนาโต้กลับ เธอแค่หยีตายิ้มๆกลับมาโดยไม่มีคำพูดจาใดๆ แล้วเดินออกจากห้องไปเมื่อภารกิจปลุกลูกชายเสร็จ

ผมจัดการทำธุระส่วนตัว แปรงฟัน แต่งตัว กินข้าวเช้าเสร็จ แล้วจึงเดินออกมาใส่รองเท้าที่ประตูบ้าน

“ไปโรงเรียนด้วยกันนะคะพี่”

!! ร่างกายหันไปด้านหลังตามสัญชาตญาณ

“เมี๊ยว!”

“ห หวา!!”

แต่กลับมีบางอย่างตกลงมาใส่หัวผมแล้วกระโดดลงพื้นอย่างสวยงาม ส่วนผมที่ไม่ทันตั้งตัวก็เซก้นลงพื้นอย่างสวยงามไม่แพ้กัน

“….เมซึ”

“เมี๊ยว~!”

พยายามส่งเสียงดุแล้วแต่แมวดำตรงหน้าแค่ร้องกลับด้วยความดีใจที่ได้แกล้งวันนี้สำเร็จ

“…วันนี้ก็จะไปส่งที่โรงเรียนเหรอ ขอบคุณนะ”

แมวน้อยสะบัดหางแล้วจึงเดินนำออกประตูที่ผมเปิดให้ไปก่อนเหมือนเช่นเคย

ทางไปโรงเรียนที่ไม่มีเธอช่างต่างจากเดิมโดยสิ้นเชิง

[EKP]Chapter 1 ,Metsukidan

.

.

.

.

.

.

 

เมะสึกิดัน

 

แสงจันทร์ที่ไม่เคยเลือนหาย

 

ค่ำคืนที่ไม่มีวันตาย

 

ดวงตาที่หลับไหล

 

ลืมตาขึ้นมา สิ่งที่สะท้อนอยู่ในแววตาของเธอ

 

สนใจมาหาคำตอบร่วมกันไหม?

 
 
 
 
 

Chapter 1 ,Metsukidan

 

The Accident

+Lied

 

The Mistake

 

The Fear

 

Before +No.6 +No.7

The Larceny

 

The Amity

+Truth

 

[EKP] Chapter 1 Metsukidan – The Fear

No.5 Kuroya Maoka

วันนั้น…ครั้งแรกที่ผมได้พบกับมาโอกะคุงในวนสาธรณะยามค่ำคืน ผมที่มัวแต่นั่งเหม่อมองท้องฟ้ายามราตรีถูกเด็กคนนั้นทัก

‘อา~ พี่ชายอยู่คนเดียวเหรอครับ?’

‘อื้อ แล้วนายคือ…?’

‘ผมคุโรยะ มาโอกะ ยินดีที่ได้รู้จักครับ’

.

.

…ถึงจะบอกว่าตั้งใจจะสร้างกลุ่มแต่เอาจริงๆตลอดหนึ่งเดือนนี้ก็ไม่มีสมาชิกเพิ่มขึ้นเลย

 ผมเดินลัดเลาะไปตามถนนเดินเล่นอย่างไร้จุดหมาย ผมลืมไปได้ไงว่ายังไงคนที่มีพลังดวงตาก็ต้องเหมือนผมกับคาสึมิซังที่ปิดบังสิ่งนั้นมาตลอดจนถึงเมื่อเดือนก่อน

“เฮ้อ….”

ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่สลัดความคิดมากนี้ออกไป แค่เดินเล่นเฉยๆแบบนี้ไม่มีทางหาสมาชิกได้หรอก..

“ปีศาจ!!”

! เสียงตะโกนของเด็กๆดังมาจากทางสวนสาธารณะที่ผมเดินผ่านพอดี ด้วยความสงสัย ผมจึงรีบเข้าไปดูแล้วก็พบ…ปีศาจ รูปร่างขนาดใหญ่ ไม่สามารถบอกหน้าตาเพราะมุมที่ผมอยู่ไม่อำนวย

พวกเด็กๆตะโกนด้วยความหวาดกลัววิ่งหนีกันไปคนละทิศคนละทาง ผมจ้องค้างไปยังจุดๆนั้น ไม่ใช้เพราะกลัวจนขยับไม่ได้แต่เพราะร่างปีศาจนั้นค่อยๆจางลงและปรากฎเป็นเพียงเด็กผู้ชายผู้สวมฮู้ดเขาปีศาจอันเป็นเอกลักษน์ประจำตัวที่ผมจำได้ดี

ไม่ผิดแน่ นั้นมาโอกะคุง!

มาโอกะคุงคือเด็กผู้ชายที่ผมรู้จักตั้งแต่เมื่อก่อนเดือนก่อน เป็นเพียงเด็กซนๆธรรมดาที่ชอบมากินขนมด้วยกันและมักบอกว่าตัวเองเป็นปีศาจด้วยเหตุผลปริศนา ไม่คิดเลยจริงๆว่าปีศาจนั้น…

“จะเป็นพลังดวงตา…”

คำพูดที่เผลอหลุดปากไปทำให้อีกฝ่ายรู้ตัวและตั้งท่าจะหนีก่อนที่จะเห็นหน้าของผมแล้วเอ่ยว่า

“พี่…คาซึมะ…?”

———————————————-

อีกฝ่ายยังคงนั่งนิ่งมาตั้งแต่เมื่อครู่ ผมไม่รู้จะทำยังไงจึงเพียงแค่นั่งอยู่เป็นเพื่อนรอข้างๆ ม้านั่งตรงนี้แทบเป็นที่เดียวที่มีคนนั่งอยู่ก็ว่าได้เพราะตอนนี้สวนสาธารณะโล่งขึ้นถนัดตาส่วนนึงก็คงเป็นเพราะเด็กๆเห็นมาโอกะคุงร่างปีศาจล่ะมั้ง..

ผมทนความเงียบไม่ไหวจึงเป็นฝ่ายเริ่ม

 “ว่าแต่ก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นรึเปล่าครับ?”

มาโอกะคุงชะงักก่อนจะยกขาขึ้นมากอดเข่าตัวเองแน่นอย่างไม่อยากนึกถึงมากนัก

“…ถ้าไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไรครับ”

“เมื่อกี้…”

มาโอกะคุงค่อยๆเล่าสิ่งที่เกิดขึ้น ผมได้ฟังที่ตีความได้ว่ามาโอกะคุงเพียงแค่ต้องการจะเล่นด้วยแต่ถูกปฏิเสธ ซ้ำยังโดนล้อและแกล้งใส่ ด้วยความโกรธจึงปล่อยพลังออกมาเพื่อไล่พวกนั้นไป

“อีกแล้วครับพี่คาซึะ ผม ผมน่ะ…”

เหมือนว่านี้จะไม่ใช้ครั้งแรก มาโอกะคุงน้ำตาคลอออกมาหน่อยๆ

“ไม่เป็นไรครับมาโอกะคุง ผมรู้ว่ามาโอกะคุงไม่ได้ตั้งใจ โอ๋ๆครับ ไม่ร้องครับไม่ร้อง…”

 ผมยื่นมือไปลูบหัวปลอบมาโอกะคุงอย่างเห็นใจ ที่มาโอกะคุงทำไปเพื่อป้องกันตัวสินะ จะรู้ตัวรึเปล่าว่ายิ่งทำแบบนั้นจะยิ่งทำให้ต้องเดียวดายกว่าเดิมจากความหวาดกลัวของผู้คน ตอนนั้นผมถึงนึกขึ้นได้

 “ถ้าเหงา.. จะมาอยู่กลุ่มของคนที่มีพลังดวงตาเหมือนมาโอกะคุงกับผมไหมครับ?”

มาโอกะคุงเอียงคอมองอย่างงงๆน้ำตายังติดอยู่ที่ขอบตาพร้อมทวนคำเบาๆ

“กลุ่มที่มี…พลังดวงตา…?”

“ยังไงก็ตามผมมาได้ไหมครับ?”

ผมเล่าถึงเรื่องที่เกิดเมื่อหนึ่งเดือนก่อนให้ฟัง เรื่องที่ยังมีผมกับคาสึมิอีกคนที่มีพลัง มาโอกะคุงเดินตามมาตั้งใจฟังอย่างตื่นเต้น ผมรู้สึกเหมือนกับเห็นประกายแห่งความหวังในดวงตาคู่นั้นอย่างไรอย่างนั้น

“นี้เรากำลังจะไปไหนหรือครับพี่คาซึมะ?”

ผมซึ่งเดินนำไปก่อนหน่อยๆหยุดอยู่หน้าประตูแล้วจึงหันหน้ามาหามาโอกะคุง

“ฐานทัพลับครับ ตอนนี้ไม่รู้ว่าคาสึมิอยู่รึเปล่าแต่ก็ไม่เสียหายที่จะเข้าไปดู—”

มือของผมพลาดคว้าลูกบิดประตูเมื่อจู่ๆประตูก็เปิดเองโดยคนอีกฝั่ง ผมสีชบาอ่อนที่คุ้นเคยกระตุกกลับเมื่อเจ้าของหยุดเดิน

“อ่ะ พอดีเลยคะคาซึมะ ฉันพาสมาชิกใหม่มาล่ะ”

“สมาชิกใหม่?”

“ค่ะ เอ้าออกมาเร็วคันนะ ยูสุเกะ”

เด็กผู้หญิงผมสีขาวยาวจรดเข่าโผล่ตาสีคริสตัลใสมาจากข้างหลังคาสึมิหวาดๆ ในมือ ถือไอโฟนที่เหมือนจะมีคนอยู่ข้างใน

“อ อา…ยินดีที่ได้..ร..รู้จัก…ค่ะ”

“หัวหน้าไม่ใช้ผู้หญิงเหรอ บู่ว แบบนี้ก็จีบไม่ได้น่ะสิ”

—เมะสึกิดัน สมาชิกปัจจุบัน 5 คน—

[EKP] Chapter 1 Metsukidan – The Accident

เอนทรี่นี้เป็นส่วนหนึ่งของ..

No.1 : Kirihara Kazuma

No.2 : Jisaya Katsumi

              “อ้าว คาซึมะก็ขึ้นมากินข้างกลางวันบนดาดฟ้านี้หรือ?”

              เสียงสดใสทักผมที่กำลังคีบไส้กรอกที่ถูกตัดให้เป็นรูปร่างเหมือนปูน้อยเข้าปาก ผมสีชบาอ่อนถูกมัดกลมขึ้นสูงกระนั้นผมส่วนอื่นที่ถูกปล่อยก็พัดไปตามสายลม ในมือของเธอถือกล่องข้าวที่ถูกห่อด้วยผ้าสีขาวนวลลายดอกสุมิเระ คงจะมากินข้าวกลางวันเหมือนกันล่ะมั้ง?

              “ครับ.. คาสึมิก็เหมือนกันหรือครับ?”

              ผมพยักหน้าหน่อยๆแล้วถามกลับไป คาสึมิอมยิ้ม

              “จ๊ะ งั้นขอนั่งด้วยนะ”

              “อ่า.. ตามสบายเลยครับ”

              แล้วคาสึมิก็เดินมานั่งข้างๆ ผมหันไปสนใจข้าวกล่องของผมต่อแทนเมื่อเห็นเธอเริ่มคีบไข่ม้วนเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

              “จริงสิ คาซึมะช่วงนี้มีปัญหาเรื่องการเรียนอะไรไหม?”

              ผมตกใจหน่อยๆกับคำถามที่โพล่งออกมาก่อนจะค่อยๆตอบว่าไม่มีปัญหาอะไร

              “งั้นเหรอ ดีจังน้า ฉันน่ะเมื่อวานจู่ๆอาจารย์ก็สั่งการบ้านมาเต็มเลยจนเมื่อคืนแทบไม่ได้นอน.. ฮ้าว..”

              เธอยกมือปิดปากแล้วหาวอย่างง่วงนอนออกมา บิดขี้เกียจนิดแล้วจับตะเกียบเตรียมกินไส้กรอกที่ตัดปลายมาให้เหมือนปลาหมึกต่อ

              “ถึงคาบเช้าจะหลับไปคาบนึงแล้วแต่คาบบ่ายต้องหลับอีกแน่เลยล่ะนะ”

              คาสึมิแค่ยิ้มแล้วกินข้าวในกล่องต่อ ผมจ้องอยู่สักพักแล้ววางข้าวกล่องของตัวเองไว้ข้างๆ

              “งั้นจะลองงีบตอนนี้สักแปปดูไหมครับ? เดี๋ยวหมดคาบกลางวันเมื่อไหร่ผมจะช่วยปลุกคาสึมิซังเอง”

              “เอ๋จะดีเหรอ ไม่รบกวนคาซึมะนะ?”

              “ไม่เลยครับ ผมเป็นคนกินช้าคงจะนั่งอยู่ตรงนี้จนหมดพักเที่ยงอยู่แล้วครับ”

              “งั้นถ้าสักแปป…”

              คาสึมิรีบกินข้าวกล่องที่เหลือจนหมดผมเตือนไปว่าระวังจะติดคอแต่เธอกวักๆมือประมาณว่าไม่เป็นไร เมื่อข้าวกลางวันหมดแล้วเธอจึงปิดกล่อง เอนตัวปล่อยน้ำหนักไปด้านหลังแล้วหลับตาลง ผมรอจนเห็นว่าเธอได้หลับไปจริงๆแล้วจึงหยิบข้าวกล่องมาวางบนตักแล้วบรรจงกินต่อ…

              ..เสียงกริ่งเข้าเรียนดังเมื่อผมทานอาหารกลางวันจนหมด ผมเรียกปลุกคาสึมิให้ไปเข้าเรียนแต่ไม่ว่าจะยังไงเธอก็ไม่ยอมตื่น


              ในช่วงพริบตานั้นตาของผมได้ถูกย้อมเป็นสีแดงสด

              คาสึมิเปิดตาพุ่งตัวออกมาอย่างคนพึ่งตื่นกะทันหันอย่างงงๆ

              “อ เอ๋เมื่อกี้ เกิดอะไรขึ้น?”

              ตาสีมรกตของผมถูกผมถูกหนังตาปิดไว้พร้อมยิ้มอ่อนๆ

              “ไม่มีอะไรครับ เสียงกริ่งเข้าเรียนดังแล้วไปกันเถอะครับคาสึมิ”

———————————————-

              ทางกลับบ้านหลังเลิกเรียนที่ถูกเปลี่ยนเป็นสีของแสงอาทิตย์อัสดงถูกเงาดำของคนสองคนตัดผ่าน ผมกับคาสึมิซังอาศัยอยู่ในย่านเดียวกันจึงมักจะกลับพร้อมกันเสมอระหว่างทางจึงหาเรื่องคุยกันเป็นเรื่องปกติ

              “ตอนกลางวันนั้นเป็นฝีมือคาซึมะใช้มั๊ย?”

              คาสึมิหันหลังที่เดินนำหมุนตัวกลับมามองผม ผมหยุดกึกทันทีแล้วมองกลับ

              “ฝ..ฝีมือ? เรื่องอะไรหรือครับ?”

              ผมเหงื่อตกที่ข้างใบหน้า จะตีหน้าซื่อยังไงผมก็คงไม่รอดจากคาสึมิอยู่ดี

              “ก็ที่ปลุกฉันเมื่อกี้ไง คาซึมะก็มี—”

              “อะไรกัน เด็กๆยังไม่กลับบ้านกันอีกเหรอ?”

              ไม่ทันได้จบคำจู่ๆก็มีกลุ่มอันธพาลจากไหนไม่รู้เดินเข้ามาหา คนที่ยืนหน้าสุดและเป็นคนพูดคงจะเป็นหัวหน้ามีคนเดินตามหลังมาอีก 4 ถึง 5 คนน่าจะเป็นลูกน้อง

              “พอดีเลย น้องสาวคนนั้นไม่ไปเที่ยวกับพี่ต่อหน่อยเหรอ? พี่สัญญาว่าจะดูแลเป็นอย่างดี”

              รอยยิ้มแสยะมุมปากที่น่ารังเกียจผุดขึ้น คาสึมิถอยออกมาอย่างไม่อยากอยู่ใกล้ ลูกน้องข้างหลังเข้ามาซุบซิบข้างหูตัวหัวโจก ถึงจะไม่ได้ยินว่าพุดว่าอะไรแต่การที่นิ้วของลูกน้องคนนั้นชี้มาที่ผมอยู่แว่บนึงนั้นต้องไม่ใช้เรื่องดีเป็นแน่.. แต่จะหนีตอนนี้ก็คงจะเป็นปัญหาใหญ่จนการพูดขอให้ปล่อยไปง่ายๆดูจะเป็นทางเลือกที่ดีทีสุด

              “นี้ก็จะมืดแล้ว ปล่อยให้เธอกลับบ้านไปเถอะครับ”

              ผมเดินนำมาอยู่หน้าคาสึมิยืนกรานที่จะให้พวกอันธพาลยอมถอยไป แต่แน่นอนว่านั้นไม่ค่อยจะสำเร็จเท่าไหร่เพราะพวกนั้นทำเพียงแค่หัวเราะออกมาเสียงดังกัน ก็ไม่เสียหายที่จะลองพูดนี้…

              “คาซึมะ..”

              “ไม่เป็นไรครับคาสึมิ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผมเอง”

              “ไม่ ไม่ใช้ พวกนั้นมีปืน..”

              …เดี๋ยว เมื่อกี้ว่าอะไรนะ..ปืน ถ้าลองสังเกตุดีๆจะมีวัตถุสีดำมันวาววับรูปร่างเหมือนปืนอยู่ก็จริงแต่ไม่แน่อาจจะเป็นแค่ปืนฉีดน้ำที่ผลิตให้รูปร่างคล้ายกันก็ได้— ไม่รู้ว่าพวกนั้นอ่านใจผมได้รึเปล่าแต่คนหัวโจกยิงลูกกระสุนขึ้นฟ้าพิสูจน์ว่าเป็นของแท้แล้วหันปากกระบอกปืนมาทางพวกผม

              “จะยอมตามมาดีๆหรือจะให้พื้นเปลี่ยนเป็นสีเลือด”

              คาสึมินิ่งไปสักพักแล้วจึงเดินเข้าไปหา พวกอันธพาลยิ้มเย้ยอย่างมีชัย ผมทำได้แค่ยืนนิ่งมองจากตำแหน่งเดิม

              …ผมอาจจะคิดไปเองแต่มีเพียงแวบนึงที่ผมเห็นเธอมองไปข้างถนนพร้อมกับตาสีเลือด

              ฉับพลันนั้นรถสิบล้อวิ่งผ่านหน้าผมกับคาสึมิไปอย่างฉิวเฉียด ผ่านตำแหน่งที่กลุ่มอันธพาลนั้นอยู่พอดิบพอดีช่วงเสี้ยววินาทีที่หน้ารถชนร่างเนื้อทีละร่างนั้นแทบไม่มีเวลาให้ร้องอย่างเจ็บปวดเลยด้วยซ้ำ เลือดสีสดพุ่งออกมาจากร่างดั่งน้ำพุ กระดูกถูกแรงอัดบดขยี้ กลิ่นเลือดโชยออกมา เศษชิ้นเนื้อกับมือที่เคยกำปืนสาดกระเซ็นตกลงมาที่พื้นเบื้องหน้าผม เลือดบางส่วนกระเด็นมาโดนกางเกงของผมและบางส่วนก็กระเด็นไปโดนหน้าและเสื้อของคาสึมิที่อยู่ใกล้กับการปะทะ

              ขาที่ไร้เรี่ยวแรงของผมทรุดลงไปกับพื้น รู้สึกคลื่นไส้ไปหมดจนแทบอาเจียน ผมไอค่อกแค่กพยายามสำรอกสิ่งที่จุกอยู่กลางลำคอให้ออกมา ไม่อาจละสายตาไปจากกองเลือดเนื้อสดที่มื่อครู่ยังมีชีวิตเหมือนเป็นเรื่องโกหกนั่นไปได้.. มีช่วงสั้นๆที่ผมเผอิญมองไปทางคาสึมิถึงผมจะมองจากมุมล่างที่นั่งพื้นอยู่และแทบจะเห็นแต่แผ่นหลังของเธอแต่ผมมั่นใจว่า

              เธอกำลังยิ้มอยู่

{+Unlock+ Sidestory – Katsumi}

———————————————-

              “ทำไมถึงเป็นเรื่องแบบนี้ไปได้ล่ะครับ!!!”

              พวกผมถูกพาสอบปากคำอยู่ที่ป้อมยามที่ใหญ่เกินไปสำหรับตำรวจจะประจำการอยู่คนเดียว หลังจากที่รถสิบล้อนั้นล้มแล้วถไหลไปกับพื้น  เนื่องจากเสียงปืนผสมกับเสียงปะทะดังสนั่นตำรวจที่รับผิดชอบบริเวณนั้นคิริฮาระ โคจิโร่(ซึ่งความจริงก็คือคุณอาของผมเอง)ก็มาเจอแล้วพาพวกผมกับคาสึมิไปสอบปากคำในฐานะพยานผู้เห็นเหตุการณ์

              ถึงจะบอกว่าสอบปากคำแต่จริงๆแทบจะเรียกว่าพามาคุยเฉยๆก็ว่าได้เพราะคุณอาพึ่งได้รับตำแหน่งมาใหม่ๆ ยังไม่คุ้นเคยกับการทำงานนัก พวกผมอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นให้คุณอาฟัง(ไม่ได้บอกเรื่องที่คาสึมิยิ้มตอนสุดท้ายไป..)คุณอาพยักๆหน้าตามที่ฟังแล้วจึงกลับมานั่งตัวตรงกอดอกเมื่อผมเล่าจบ

              “สรุปเรื่องเป็นอย่างนี้เองสินะ แสดงว่าที่รถสิบล้อเข้ามาชนเพราะไม่แน่คนขับอาจจะเมาอยู่?”

              “คิดว่าน่าจะเป็นอย่างนั้นครับ”

              ไม่ได้บอกเรื่องที่ตาเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วย..

              แอ๊ด…

              เสียงเปิดประตูของห้องน้ำเล็กๆในป้อมยามดังขึ้นพร้อมกับคาสึมิในชุดกะลาสีที่คุ้นเคยเดินออกมา เจ้าของใบหน้าและเรือนผมที่ยังคงเปียกน้ำเล็กน้อยเพราะพึ่งอาบน้ำเสร็จ จับจ้องมาทางผมกับคุณอาด้วยดางตาสีฟ้าใสแล้วจึงเดินมานั่งลงตรงเก้าอี้ข้างๆผมยิ้มแย้ม

              “ขอบคุณที่ให้ยืมใช้ฝักบัวนะคะ”

              “ไม่เป็นไรครับยังไงจะให้เดินกลับทั้งเลือดติดตัวแบบนั้นคงดูไม่ดีอยู่แล้ว ว่าแต่ดีนะที่เมื่อคืนคาซึมะคุงมาค้างที่ป้อมแล้วลืมชุดสำรองไว้พอดี แต่ที่หน้าแปลกใจคือที่คุณหนูพกชุดของตัวเองไว้ติดตัวด้วยนี้สิ”

              “แหม่ก็ชอบนี้คะ แต่ก็บังเอิญจริงๆน่ะแหละค่ะ ฮะๆ”

              “นั้นสินะครับ ฮะๆ”

              บรรยากาศยิ้มแย้มสบายๆของทั้งสองทำเอาผมแทบเห็นดอกไม้นับร้อยประดับหลัง แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้ผมสบายใจขึ้นเท่าไหร่…

              “คุณอาครับ…แล้วคนขับ…?”

              คุณอาหันมามองสักแปปแล้วจึงปรับสีหน้าให้จริงจังขึ้น

              “..ผมติดต่อรถพยาบาลไปแล้วคาดว่าน่าจะถึงที่เกิดเหตุในไม่ไม่ช้า ยังไงถ้ามีอะไรผมจะติดต่อไปทางโทรศัพท์ส่วนตัวของคาซึมะคุงนะครับ~”

              จริงจังไม่นานคุณอาก็กลับมายิ้มอีกครั้งพร้อมทำมือเหมือนหูโทรศัพท์มาจ่อที่หูข้างซ้ายเป็นเชิงสัญลักษน์ว่าจะโทรไปหา เพราะท่าทางแบบนั้นคุณพ่อถึงมักบ่นว่าคุณอาจะหาแฟนไม่ได้แต่จะมาเปลี่ยนตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้วล่ะมั้ง..

              “เอ้าๆยังไงก็รีบกลับได้แล้วเดี๋ยวพ่อแม่เป็นห่วงกันนะ โดยเฉพาะคาซึมะคุง พี่ตอนโกรธน่ะน่ากลัวมากเลยนะ”

              พี่ที่ว่าคือพ่อของผมเอง เราต่างมองแล้วเหงื่อตกให้กันเมื่อนึกถึงหน้าคนๆนั้นเมื่อหัวเสีย ยังดีที่มีคุณแม่ช่วยห้ามปรามไว้ในบางครั้ง

              “ยังไงถ้าผมส่งคาสึมิที่บ้านแล้วจะรีบกลับครับ แล้วเจอกันครับคุณอา”

              “ครับ ไว้เจอกันครับคาซึมะคุง”

              นายตำรวจโคจิโร่โบกมือหย่อยๆลาให้ก่อนจะกลับเข้าป้อมไปประจำการต่ออย่างหึกเหิม

              “งั้นไปกันเลยนะครั—”

              “แล้วก็ๆครับ!”

              ผมกับคาสึมิสะดุ้งโหยงหันไปมองที่ป้อมยามอีกครั้ง

              “ไงๆก็พยายามเลี่ยงทางเดินเดิมด้วยล่ะ ตอนนี้คงมีรถตำรวจแล้วก็คนมุงเต็มไปหมดเลย ผมจะช่วยกลบเกลื่อนว่าเป็นอุบัติเหตุให้แต่ระวังตัวอย่าให้เกิดแบบนี้อีกล่ะ!”

              พวกเราขานรับพร้อมกัน คุณอาแย้มยิ้มแล้วหันกลับเข้าไปข้างในป้อมอีกครั้ง

              “คุณตำรวจดูคึกคักมากเลยนะคะ..”

              “เพิ่งได้เป็นอาชีพที่ใฝ่ฝันมานานก็เลยดีใจมากน่ะครับ..”

              “งั้นกลับกันเลยนะคะคาซึมะ ถ้ากลับทางเดิมไม่ได้ก็คงต้องเป็นทางนี้ล่ะนะ”

              คาสึมิซังชี้ไปอีกทางที่ไกลกว่าทางกลับเดิมมาก แต่ยังไงก็คงดีกว่ากลับไปเห็นภาพศพเลือดโชกอีกครั้งสำหรับผม จริงสิเกือบลืมไปเลย

              “…ยังไงจะแวะที่สวนสาธารณะก่อนกลับด้วยกันได้ไหมครับ ผมมีเรื่องจะคุยด้วยนิดหน่อย”

              “ฮึม? เรื่องอะไรเหรอ?”

              “ยังไงผมอาจจะตาฝาดไปเอง แต่ว่า…”

              “แล้วตกลงเรื่องอะไรล่ะคาซึมะ”

              “เมื่อกี้…ตาของคุณเปลี่ยนเป็นสีแดงรึเปล่าครับ…?”

——————————————————-

              แสงจันทร์ทอดส่องลงมาอย่างอ่อนโยนกลางสวนสาธารณะที่มืดลงแล้วแต่ยังมีแสงจากไฟริมทางช่วยให้ยังคงมองเห็นทิวทัศน์รอบๆ คาสึมิเดินไปนั่งที่หนึ่งในชิงช้าก่อนจะเริ่มแกว่งเบาๆ ผมเอนตัวพิงไปกับขาตั้งชิงช้าแล้วจึงเริ่มเอ่ยปาก

              “…ถ้าบอกไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แต่ยังไงผมก็อยากรู้จริงๆครับ”

              “ไม่เป็นไรหรอก ยังไงเราก็มีคำถามเดียวกันนี้นะ”

              “…”

              คาสึมิใช้เท้ายันพื้น ชิงช้าที่ถูกผลักตามแรงเสียดทานหยุดนิ่งลง เมื่อไร้ซึ่งเสียงแกว่งจากชิงช้าสวนสาธารณะยามค่ำคืนเงียบขึ้นทันตา ผู้ที่ทำลายความเงียบก่อนคือคาสึมิ

              “เมื่อตอนกลางวันนั้นตกลงเป็นฝีมือของคาซึมะสินะ”

              …ผมพยักหน้าไม่พูดอะไร

              “เป็นเพราะสิ่งนั้นสินะ ตาสีแดงน่ะ…”

              “คาสึมิก็…”

              “ถ้าจะให้ฉันโชว์ให้ดูจะเป็นไงคงรู้นะ~”

              เธอยิ้มหยีตาตามที่พูดแล้วหันมามองผม

              “ในทางกลับกันคาสึมะคุงน่ะ น่าจะเป็นคนที่พิสูจน์ได้ง่ายกว่านะ”

              …ถูกมองออกอย่างนี้ผมก็แย่สิครับ ด้วยความเคยชินมือของผมก็เลื่อนไปจับหลังคอตัวเองด้วยความลำบากใจ ผมจ้องไปยังดวงตาของคาสึมิ ถอนหายใจ หลับตาพร้อมกับลืมตาขึ้นอีกครั้ง ถึงผมไม่เห็นเองก็รู้ว่าตาได้เปลี่ยนเป็นสีแดงสดแล้ว ชั่วครู่ผมก็กระพริบตากลับมาเป็นสีมรกตดังเดิม

              คาสึมิมองมาทางผมอย่างครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง

              “แล้ว..จะเอาไงต่อล่ะ?”

               ผมส่ายหน้าให้เป็นเชิงว่าไม่รู้เหมือนกัน

               “นั้นสินะ แปลกจัง ฉันก็เหมือนกันล่ะ..”

              ถึงจะรู้ว่ามีดวงตาสีแดงเหมือนกันแต่แล้วไงต่อล่ะ เอาจริงๆก็คงไม่มีอะไรต่างจากเดิมมากอยู่ดี เราทั้งคู่ก็ดำเนิน

              ชีวิตประจำวันไปตามปกติทั้งที่ปิดความลับนี้ไว้อยู่แล้วจะมีคนรู้เพิ่มหน่อยก็คงไม่แตกต่างอยู่ดี

              จะจบแค่นี้จริงๆเหรอ…? ผมเลื่อนมือไปจับที่หัวอย่างไร้จุดหมายเพื่อใช้ความคิด แล้วมือของผมก็ไปโดนสิ่งนั้น…กิ๊บไขว้สีเหลือง ของขวัญจากเธอคนนั้น

              “…มาตั้งกลุ่มกันดีไหมครับ?”

              “เอ๋?”

              โดยไม่รู้สึกตัวปากของผมก็พูดออกไปแล้วคาสึมิซังหันโพล่งมาตาปริบๆใส่คำถามของผมอย่างตกใจ ไม่แปลกอะไรเพราะตัวผมเป็นคนพูดเองยังแทบตกใจเหมือนกัน

              “กลุ่มที่มีแต่คนมีพลังดวงตาครับ ยังไงถ้ามีพวกเราสองคนก็ต้องมีอีกใช้ไหมครับ? ถ้าเจอเราก็ชวนมารวมกลุ่มกันครับ”

              สัมผัสได้ถึงเสียงหัวใจของตัวเองที่เต้นระส่ำ หน้าของผมตอนนี้ไม่แน่อาจจะแสดงท่าทางตื่นเต้นมากอยู่ก็ได้

              “กลุ่มที่มีแต่..คนที่มีพลังดวงตา?”

              “ครับ แล้วก็อาจจะมีจัดเลขเรียงลำดับแต่ละคน อย่างเช่นเริ่มจากผมเป็น No.1… อ่ะ..”

              ผมพึ่งนึกขึ้นมาได้จึงยื่นมือไปหาคาสึมิซัง จะว่าเป็นความบังเอิญก็ได้แต่แสงจันทน์คืนนี้ส่องกระทบหลังผม แสงสีฟ้าหม่นอ่อนๆบวกกับแสงสีขาวจากไฟในสวนสาธารณะผสมรวมกันอย่างลงตัว

              “คาสึมิจะช่วยเข้ากลุ่ม..กับผมได้ไหมครับ?”

              “ไม่ค่ะ~”

              ถรึง.. ผมรู้สึกเหมือนเห็นหน้าตัวเองทิ่มกับพื้นเลยครับ

              “ก็ฉันน่ะ อยู่กลุ่มเดียวกับคาซึมะแล้วนี้นา~”

              เอ๋?

              “เอ๋?”

              ผมทำหน้าตะลึงอย่างบอกไม่ถูกแต่คาสึมิแค่ยิ้มๆเหมือนปกติ

              “ยังไงก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ คาซึมะ”

              ผมปรับสีหน้ากลับปกติ

              “ครับ คาสึมิ”

              พระจันทน์เต็มดวงยามค่ำคืน ผมคิดไปเองรึเปล่าแต่รู้สึกคืนนี้แสงช่างสว่างไสวกว่าคืนจันทน์เต็มดวงใดๆเหลือเกิน จริงสิถ้าชื่อกลุ่มเป็น”เมะสึกิดัน”ก็ดีเหมือนกัน คงต้องไว้เสนอกับคาสึมิในภายหลัง

—————————————