เอนทรี่นี้เป็นส่วนหนึ่งของ..
No.1 : Kirihara Kazuma
No.2 : Jisaya Katsumi
“อ้าว คาซึมะก็ขึ้นมากินข้างกลางวันบนดาดฟ้านี้หรือ?”
เสียงสดใสทักผมที่กำลังคีบไส้กรอกที่ถูกตัดให้เป็นรูปร่างเหมือนปูน้อยเข้าปาก ผมสีชบาอ่อนถูกมัดกลมขึ้นสูงกระนั้นผมส่วนอื่นที่ถูกปล่อยก็พัดไปตามสายลม ในมือของเธอถือกล่องข้าวที่ถูกห่อด้วยผ้าสีขาวนวลลายดอกสุมิเระ คงจะมากินข้าวกลางวันเหมือนกันล่ะมั้ง?
“ครับ.. คาสึมิก็เหมือนกันหรือครับ?”
ผมพยักหน้าหน่อยๆแล้วถามกลับไป คาสึมิอมยิ้ม
“จ๊ะ งั้นขอนั่งด้วยนะ”
“อ่า.. ตามสบายเลยครับ”
แล้วคาสึมิก็เดินมานั่งข้างๆ ผมหันไปสนใจข้าวกล่องของผมต่อแทนเมื่อเห็นเธอเริ่มคีบไข่ม้วนเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“จริงสิ คาซึมะช่วงนี้มีปัญหาเรื่องการเรียนอะไรไหม?”
ผมตกใจหน่อยๆกับคำถามที่โพล่งออกมาก่อนจะค่อยๆตอบว่าไม่มีปัญหาอะไร
“งั้นเหรอ ดีจังน้า ฉันน่ะเมื่อวานจู่ๆอาจารย์ก็สั่งการบ้านมาเต็มเลยจนเมื่อคืนแทบไม่ได้นอน.. ฮ้าว..”
เธอยกมือปิดปากแล้วหาวอย่างง่วงนอนออกมา บิดขี้เกียจนิดแล้วจับตะเกียบเตรียมกินไส้กรอกที่ตัดปลายมาให้เหมือนปลาหมึกต่อ
“ถึงคาบเช้าจะหลับไปคาบนึงแล้วแต่คาบบ่ายต้องหลับอีกแน่เลยล่ะนะ”
คาสึมิแค่ยิ้มแล้วกินข้าวในกล่องต่อ ผมจ้องอยู่สักพักแล้ววางข้าวกล่องของตัวเองไว้ข้างๆ
“งั้นจะลองงีบตอนนี้สักแปปดูไหมครับ? เดี๋ยวหมดคาบกลางวันเมื่อไหร่ผมจะช่วยปลุกคาสึมิซังเอง”
“เอ๋จะดีเหรอ ไม่รบกวนคาซึมะนะ?”
“ไม่เลยครับ ผมเป็นคนกินช้าคงจะนั่งอยู่ตรงนี้จนหมดพักเที่ยงอยู่แล้วครับ”
“งั้นถ้าสักแปป…”
คาสึมิรีบกินข้าวกล่องที่เหลือจนหมดผมเตือนไปว่าระวังจะติดคอแต่เธอกวักๆมือประมาณว่าไม่เป็นไร เมื่อข้าวกลางวันหมดแล้วเธอจึงปิดกล่อง เอนตัวปล่อยน้ำหนักไปด้านหลังแล้วหลับตาลง ผมรอจนเห็นว่าเธอได้หลับไปจริงๆแล้วจึงหยิบข้าวกล่องมาวางบนตักแล้วบรรจงกินต่อ…
..เสียงกริ่งเข้าเรียนดังเมื่อผมทานอาหารกลางวันจนหมด ผมเรียกปลุกคาสึมิให้ไปเข้าเรียนแต่ไม่ว่าจะยังไงเธอก็ไม่ยอมตื่น
ในช่วงพริบตานั้นตาของผมได้ถูกย้อมเป็นสีแดงสด
คาสึมิเปิดตาพุ่งตัวออกมาอย่างคนพึ่งตื่นกะทันหันอย่างงงๆ
“อ เอ๋เมื่อกี้ เกิดอะไรขึ้น?”
ตาสีมรกตของผมถูกผมถูกหนังตาปิดไว้พร้อมยิ้มอ่อนๆ
“ไม่มีอะไรครับ เสียงกริ่งเข้าเรียนดังแล้วไปกันเถอะครับคาสึมิ”
———————————————-
ทางกลับบ้านหลังเลิกเรียนที่ถูกเปลี่ยนเป็นสีของแสงอาทิตย์อัสดงถูกเงาดำของคนสองคนตัดผ่าน ผมกับคาสึมิซังอาศัยอยู่ในย่านเดียวกันจึงมักจะกลับพร้อมกันเสมอระหว่างทางจึงหาเรื่องคุยกันเป็นเรื่องปกติ
“ตอนกลางวันนั้นเป็นฝีมือคาซึมะใช้มั๊ย?”
คาสึมิหันหลังที่เดินนำหมุนตัวกลับมามองผม ผมหยุดกึกทันทีแล้วมองกลับ
“ฝ..ฝีมือ? เรื่องอะไรหรือครับ?”
ผมเหงื่อตกที่ข้างใบหน้า จะตีหน้าซื่อยังไงผมก็คงไม่รอดจากคาสึมิอยู่ดี
“ก็ที่ปลุกฉันเมื่อกี้ไง คาซึมะก็มี—”
“อะไรกัน เด็กๆยังไม่กลับบ้านกันอีกเหรอ?”
ไม่ทันได้จบคำจู่ๆก็มีกลุ่มอันธพาลจากไหนไม่รู้เดินเข้ามาหา คนที่ยืนหน้าสุดและเป็นคนพูดคงจะเป็นหัวหน้ามีคนเดินตามหลังมาอีก 4 ถึง 5 คนน่าจะเป็นลูกน้อง
“พอดีเลย น้องสาวคนนั้นไม่ไปเที่ยวกับพี่ต่อหน่อยเหรอ? พี่สัญญาว่าจะดูแลเป็นอย่างดี”
รอยยิ้มแสยะมุมปากที่น่ารังเกียจผุดขึ้น คาสึมิถอยออกมาอย่างไม่อยากอยู่ใกล้ ลูกน้องข้างหลังเข้ามาซุบซิบข้างหูตัวหัวโจก ถึงจะไม่ได้ยินว่าพุดว่าอะไรแต่การที่นิ้วของลูกน้องคนนั้นชี้มาที่ผมอยู่แว่บนึงนั้นต้องไม่ใช้เรื่องดีเป็นแน่.. แต่จะหนีตอนนี้ก็คงจะเป็นปัญหาใหญ่จนการพูดขอให้ปล่อยไปง่ายๆดูจะเป็นทางเลือกที่ดีทีสุด
“นี้ก็จะมืดแล้ว ปล่อยให้เธอกลับบ้านไปเถอะครับ”
ผมเดินนำมาอยู่หน้าคาสึมิยืนกรานที่จะให้พวกอันธพาลยอมถอยไป แต่แน่นอนว่านั้นไม่ค่อยจะสำเร็จเท่าไหร่เพราะพวกนั้นทำเพียงแค่หัวเราะออกมาเสียงดังกัน ก็ไม่เสียหายที่จะลองพูดนี้…
“คาซึมะ..”
“ไม่เป็นไรครับคาสึมิ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผมเอง”
“ไม่ ไม่ใช้ พวกนั้นมีปืน..”
…เดี๋ยว เมื่อกี้ว่าอะไรนะ..ปืน ถ้าลองสังเกตุดีๆจะมีวัตถุสีดำมันวาววับรูปร่างเหมือนปืนอยู่ก็จริงแต่ไม่แน่อาจจะเป็นแค่ปืนฉีดน้ำที่ผลิตให้รูปร่างคล้ายกันก็ได้— ไม่รู้ว่าพวกนั้นอ่านใจผมได้รึเปล่าแต่คนหัวโจกยิงลูกกระสุนขึ้นฟ้าพิสูจน์ว่าเป็นของแท้แล้วหันปากกระบอกปืนมาทางพวกผม
“จะยอมตามมาดีๆหรือจะให้พื้นเปลี่ยนเป็นสีเลือด”
คาสึมินิ่งไปสักพักแล้วจึงเดินเข้าไปหา พวกอันธพาลยิ้มเย้ยอย่างมีชัย ผมทำได้แค่ยืนนิ่งมองจากตำแหน่งเดิม
…ผมอาจจะคิดไปเองแต่มีเพียงแวบนึงที่ผมเห็นเธอมองไปข้างถนนพร้อมกับตาสีเลือด
ฉับพลันนั้นรถสิบล้อวิ่งผ่านหน้าผมกับคาสึมิไปอย่างฉิวเฉียด ผ่านตำแหน่งที่กลุ่มอันธพาลนั้นอยู่พอดิบพอดีช่วงเสี้ยววินาทีที่หน้ารถชนร่างเนื้อทีละร่างนั้นแทบไม่มีเวลาให้ร้องอย่างเจ็บปวดเลยด้วยซ้ำ เลือดสีสดพุ่งออกมาจากร่างดั่งน้ำพุ กระดูกถูกแรงอัดบดขยี้ กลิ่นเลือดโชยออกมา เศษชิ้นเนื้อกับมือที่เคยกำปืนสาดกระเซ็นตกลงมาที่พื้นเบื้องหน้าผม เลือดบางส่วนกระเด็นมาโดนกางเกงของผมและบางส่วนก็กระเด็นไปโดนหน้าและเสื้อของคาสึมิที่อยู่ใกล้กับการปะทะ
ขาที่ไร้เรี่ยวแรงของผมทรุดลงไปกับพื้น รู้สึกคลื่นไส้ไปหมดจนแทบอาเจียน ผมไอค่อกแค่กพยายามสำรอกสิ่งที่จุกอยู่กลางลำคอให้ออกมา ไม่อาจละสายตาไปจากกองเลือดเนื้อสดที่มื่อครู่ยังมีชีวิตเหมือนเป็นเรื่องโกหกนั่นไปได้.. มีช่วงสั้นๆที่ผมเผอิญมองไปทางคาสึมิถึงผมจะมองจากมุมล่างที่นั่งพื้นอยู่และแทบจะเห็นแต่แผ่นหลังของเธอแต่ผมมั่นใจว่า
เธอกำลังยิ้มอยู่
{+Unlock+ Sidestory – Katsumi}
———————————————-
“ทำไมถึงเป็นเรื่องแบบนี้ไปได้ล่ะครับ!!!”
พวกผมถูกพาสอบปากคำอยู่ที่ป้อมยามที่ใหญ่เกินไปสำหรับตำรวจจะประจำการอยู่คนเดียว หลังจากที่รถสิบล้อนั้นล้มแล้วถไหลไปกับพื้น เนื่องจากเสียงปืนผสมกับเสียงปะทะดังสนั่นตำรวจที่รับผิดชอบบริเวณนั้นคิริฮาระ โคจิโร่(ซึ่งความจริงก็คือคุณอาของผมเอง)ก็มาเจอแล้วพาพวกผมกับคาสึมิไปสอบปากคำในฐานะพยานผู้เห็นเหตุการณ์
ถึงจะบอกว่าสอบปากคำแต่จริงๆแทบจะเรียกว่าพามาคุยเฉยๆก็ว่าได้เพราะคุณอาพึ่งได้รับตำแหน่งมาใหม่ๆ ยังไม่คุ้นเคยกับการทำงานนัก พวกผมอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นให้คุณอาฟัง(ไม่ได้บอกเรื่องที่คาสึมิยิ้มตอนสุดท้ายไป..)คุณอาพยักๆหน้าตามที่ฟังแล้วจึงกลับมานั่งตัวตรงกอดอกเมื่อผมเล่าจบ
“สรุปเรื่องเป็นอย่างนี้เองสินะ แสดงว่าที่รถสิบล้อเข้ามาชนเพราะไม่แน่คนขับอาจจะเมาอยู่?”
“คิดว่าน่าจะเป็นอย่างนั้นครับ”
ไม่ได้บอกเรื่องที่ตาเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วย..
แอ๊ด…
เสียงเปิดประตูของห้องน้ำเล็กๆในป้อมยามดังขึ้นพร้อมกับคาสึมิในชุดกะลาสีที่คุ้นเคยเดินออกมา เจ้าของใบหน้าและเรือนผมที่ยังคงเปียกน้ำเล็กน้อยเพราะพึ่งอาบน้ำเสร็จ จับจ้องมาทางผมกับคุณอาด้วยดางตาสีฟ้าใสแล้วจึงเดินมานั่งลงตรงเก้าอี้ข้างๆผมยิ้มแย้ม
“ขอบคุณที่ให้ยืมใช้ฝักบัวนะคะ”
“ไม่เป็นไรครับยังไงจะให้เดินกลับทั้งเลือดติดตัวแบบนั้นคงดูไม่ดีอยู่แล้ว ว่าแต่ดีนะที่เมื่อคืนคาซึมะคุงมาค้างที่ป้อมแล้วลืมชุดสำรองไว้พอดี แต่ที่หน้าแปลกใจคือที่คุณหนูพกชุดของตัวเองไว้ติดตัวด้วยนี้สิ”
“แหม่ก็ชอบนี้คะ แต่ก็บังเอิญจริงๆน่ะแหละค่ะ ฮะๆ”
“นั้นสินะครับ ฮะๆ”
บรรยากาศยิ้มแย้มสบายๆของทั้งสองทำเอาผมแทบเห็นดอกไม้นับร้อยประดับหลัง แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้ผมสบายใจขึ้นเท่าไหร่…
“คุณอาครับ…แล้วคนขับ…?”
คุณอาหันมามองสักแปปแล้วจึงปรับสีหน้าให้จริงจังขึ้น
“..ผมติดต่อรถพยาบาลไปแล้วคาดว่าน่าจะถึงที่เกิดเหตุในไม่ไม่ช้า ยังไงถ้ามีอะไรผมจะติดต่อไปทางโทรศัพท์ส่วนตัวของคาซึมะคุงนะครับ~”
จริงจังไม่นานคุณอาก็กลับมายิ้มอีกครั้งพร้อมทำมือเหมือนหูโทรศัพท์มาจ่อที่หูข้างซ้ายเป็นเชิงสัญลักษน์ว่าจะโทรไปหา เพราะท่าทางแบบนั้นคุณพ่อถึงมักบ่นว่าคุณอาจะหาแฟนไม่ได้แต่จะมาเปลี่ยนตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้วล่ะมั้ง..
“เอ้าๆยังไงก็รีบกลับได้แล้วเดี๋ยวพ่อแม่เป็นห่วงกันนะ โดยเฉพาะคาซึมะคุง พี่ตอนโกรธน่ะน่ากลัวมากเลยนะ”
พี่ที่ว่าคือพ่อของผมเอง เราต่างมองแล้วเหงื่อตกให้กันเมื่อนึกถึงหน้าคนๆนั้นเมื่อหัวเสีย ยังดีที่มีคุณแม่ช่วยห้ามปรามไว้ในบางครั้ง
“ยังไงถ้าผมส่งคาสึมิที่บ้านแล้วจะรีบกลับครับ แล้วเจอกันครับคุณอา”
“ครับ ไว้เจอกันครับคาซึมะคุง”
นายตำรวจโคจิโร่โบกมือหย่อยๆลาให้ก่อนจะกลับเข้าป้อมไปประจำการต่ออย่างหึกเหิม
“งั้นไปกันเลยนะครั—”
“แล้วก็ๆครับ!”
ผมกับคาสึมิสะดุ้งโหยงหันไปมองที่ป้อมยามอีกครั้ง
“ไงๆก็พยายามเลี่ยงทางเดินเดิมด้วยล่ะ ตอนนี้คงมีรถตำรวจแล้วก็คนมุงเต็มไปหมดเลย ผมจะช่วยกลบเกลื่อนว่าเป็นอุบัติเหตุให้แต่ระวังตัวอย่าให้เกิดแบบนี้อีกล่ะ!”
พวกเราขานรับพร้อมกัน คุณอาแย้มยิ้มแล้วหันกลับเข้าไปข้างในป้อมอีกครั้ง
“คุณตำรวจดูคึกคักมากเลยนะคะ..”
“เพิ่งได้เป็นอาชีพที่ใฝ่ฝันมานานก็เลยดีใจมากน่ะครับ..”
“งั้นกลับกันเลยนะคะคาซึมะ ถ้ากลับทางเดิมไม่ได้ก็คงต้องเป็นทางนี้ล่ะนะ”
คาสึมิซังชี้ไปอีกทางที่ไกลกว่าทางกลับเดิมมาก แต่ยังไงก็คงดีกว่ากลับไปเห็นภาพศพเลือดโชกอีกครั้งสำหรับผม จริงสิเกือบลืมไปเลย
“…ยังไงจะแวะที่สวนสาธารณะก่อนกลับด้วยกันได้ไหมครับ ผมมีเรื่องจะคุยด้วยนิดหน่อย”
“ฮึม? เรื่องอะไรเหรอ?”
“ยังไงผมอาจจะตาฝาดไปเอง แต่ว่า…”
“แล้วตกลงเรื่องอะไรล่ะคาซึมะ”
“เมื่อกี้…ตาของคุณเปลี่ยนเป็นสีแดงรึเปล่าครับ…?”
——————————————————-
แสงจันทร์ทอดส่องลงมาอย่างอ่อนโยนกลางสวนสาธารณะที่มืดลงแล้วแต่ยังมีแสงจากไฟริมทางช่วยให้ยังคงมองเห็นทิวทัศน์รอบๆ คาสึมิเดินไปนั่งที่หนึ่งในชิงช้าก่อนจะเริ่มแกว่งเบาๆ ผมเอนตัวพิงไปกับขาตั้งชิงช้าแล้วจึงเริ่มเอ่ยปาก
“…ถ้าบอกไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แต่ยังไงผมก็อยากรู้จริงๆครับ”
“ไม่เป็นไรหรอก ยังไงเราก็มีคำถามเดียวกันนี้นะ”
“…”
คาสึมิใช้เท้ายันพื้น ชิงช้าที่ถูกผลักตามแรงเสียดทานหยุดนิ่งลง เมื่อไร้ซึ่งเสียงแกว่งจากชิงช้าสวนสาธารณะยามค่ำคืนเงียบขึ้นทันตา ผู้ที่ทำลายความเงียบก่อนคือคาสึมิ
“เมื่อตอนกลางวันนั้นตกลงเป็นฝีมือของคาซึมะสินะ”
…ผมพยักหน้าไม่พูดอะไร
“เป็นเพราะสิ่งนั้นสินะ ตาสีแดงน่ะ…”
“คาสึมิก็…”
“ถ้าจะให้ฉันโชว์ให้ดูจะเป็นไงคงรู้นะ~”
เธอยิ้มหยีตาตามที่พูดแล้วหันมามองผม
“ในทางกลับกันคาสึมะคุงน่ะ น่าจะเป็นคนที่พิสูจน์ได้ง่ายกว่านะ”
…ถูกมองออกอย่างนี้ผมก็แย่สิครับ ด้วยความเคยชินมือของผมก็เลื่อนไปจับหลังคอตัวเองด้วยความลำบากใจ ผมจ้องไปยังดวงตาของคาสึมิ ถอนหายใจ หลับตาพร้อมกับลืมตาขึ้นอีกครั้ง ถึงผมไม่เห็นเองก็รู้ว่าตาได้เปลี่ยนเป็นสีแดงสดแล้ว ชั่วครู่ผมก็กระพริบตากลับมาเป็นสีมรกตดังเดิม
คาสึมิมองมาทางผมอย่างครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง
“แล้ว..จะเอาไงต่อล่ะ?”
ผมส่ายหน้าให้เป็นเชิงว่าไม่รู้เหมือนกัน
“นั้นสินะ แปลกจัง ฉันก็เหมือนกันล่ะ..”
ถึงจะรู้ว่ามีดวงตาสีแดงเหมือนกันแต่แล้วไงต่อล่ะ เอาจริงๆก็คงไม่มีอะไรต่างจากเดิมมากอยู่ดี เราทั้งคู่ก็ดำเนิน
ชีวิตประจำวันไปตามปกติทั้งที่ปิดความลับนี้ไว้อยู่แล้วจะมีคนรู้เพิ่มหน่อยก็คงไม่แตกต่างอยู่ดี
จะจบแค่นี้จริงๆเหรอ…? ผมเลื่อนมือไปจับที่หัวอย่างไร้จุดหมายเพื่อใช้ความคิด แล้วมือของผมก็ไปโดนสิ่งนั้น…กิ๊บไขว้สีเหลือง ของขวัญจากเธอคนนั้น
“…มาตั้งกลุ่มกันดีไหมครับ?”
“เอ๋?”
โดยไม่รู้สึกตัวปากของผมก็พูดออกไปแล้วคาสึมิซังหันโพล่งมาตาปริบๆใส่คำถามของผมอย่างตกใจ ไม่แปลกอะไรเพราะตัวผมเป็นคนพูดเองยังแทบตกใจเหมือนกัน
“กลุ่มที่มีแต่คนมีพลังดวงตาครับ ยังไงถ้ามีพวกเราสองคนก็ต้องมีอีกใช้ไหมครับ? ถ้าเจอเราก็ชวนมารวมกลุ่มกันครับ”
สัมผัสได้ถึงเสียงหัวใจของตัวเองที่เต้นระส่ำ หน้าของผมตอนนี้ไม่แน่อาจจะแสดงท่าทางตื่นเต้นมากอยู่ก็ได้
“กลุ่มที่มีแต่..คนที่มีพลังดวงตา?”
“ครับ แล้วก็อาจจะมีจัดเลขเรียงลำดับแต่ละคน อย่างเช่นเริ่มจากผมเป็น No.1… อ่ะ..”
ผมพึ่งนึกขึ้นมาได้จึงยื่นมือไปหาคาสึมิซัง จะว่าเป็นความบังเอิญก็ได้แต่แสงจันทน์คืนนี้ส่องกระทบหลังผม แสงสีฟ้าหม่นอ่อนๆบวกกับแสงสีขาวจากไฟในสวนสาธารณะผสมรวมกันอย่างลงตัว
“คาสึมิจะช่วยเข้ากลุ่ม..กับผมได้ไหมครับ?”
“ไม่ค่ะ~”
ถรึง.. ผมรู้สึกเหมือนเห็นหน้าตัวเองทิ่มกับพื้นเลยครับ
“ก็ฉันน่ะ อยู่กลุ่มเดียวกับคาซึมะแล้วนี้นา~”
เอ๋?
“เอ๋?”
ผมทำหน้าตะลึงอย่างบอกไม่ถูกแต่คาสึมิแค่ยิ้มๆเหมือนปกติ
“ยังไงก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ คาซึมะ”
ผมปรับสีหน้ากลับปกติ
“ครับ คาสึมิ”
พระจันทน์เต็มดวงยามค่ำคืน ผมคิดไปเองรึเปล่าแต่รู้สึกคืนนี้แสงช่างสว่างไสวกว่าคืนจันทน์เต็มดวงใดๆเหลือเกิน จริงสิถ้าชื่อกลุ่มเป็น”เมะสึกิดัน”ก็ดีเหมือนกัน คงต้องไว้เสนอกับคาสึมิในภายหลัง
—————————————